วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2561

Review:Calibre 2018 คาลิเบอร์


               อีกหนึ่งภาพยนตร์แนวระทึกขวัญสัญชาติอังกฤษจาก Netflix ที่จะพาผู้ชมดำดิ่งไปสู่ความมืดมิดในจิตใจของมนุษย์ เมื่อความบังเอิญก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมและความไม่ได้ตั้งใจกลายเป็นมูลเหตุของฆาตกรรม Calibre เรื่องราวของหม่บ้านที่กำลังจะตายเพราะความเจริญเข้ามาไม่ถึงอย่างราเวนฟอลล์ ซึ่งในอดีตเคยเป็นแหล่งที่ผู้คนส่วนมากในแถบนั้นใช้เวลาช่วงวันหยุดของพวกเขาไปกับฤดูกาลล่าสัตว์อย่างถูกกฏหมาย แต่ในปัจจุบันทุกคนในหมู่บ้านกลับถูกทอดทิ้งให้เหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลา เพราะสมัยนี้ไม่มีใครยอมมาลำบากในที่กันดารแบบนี้อีกแล้ว เว้นก็เพียงแต่ มาร์คัสและวอห์น สองเพื่อนรักนักธุรกิจ ที่นัดแนะกันมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อล่าสัตว์ ตามความทรงจำในวัยเด็กของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าพวกชาวบ้านได้ให้การต้อนรับคนทั้งคู่เป็นอย่างดี ด้วยความหวังที่ทั้งสองจะชักนำความเจริญและศิวิไลเข้าสู่หมู่บ้านนี้สักที เช้าวันต่อมามาร์คัสและวอห์นได้ออกไปล่าสัตว์กันตามปกติ พวกเขาก็ได้พบเข้ากับกวางตัวหนึ่งที่กำลังเดินกินหญ้าอยู่แถวนั้น วอห์นที่เป็นคนพบมันก่อน ได้ประทับปืนขึ้นบ่าก่อนที่จะลั่นไก แต่โชคไม่ดีที่กวางดันรู้สึกตัวและทำให้วอห์นลั่นกระสุนพลาดไปโดนเด็กตัวเล็กๆอีกคนที่วิ่งเล่นอยู่แถวนั้นโดยบังเอิญ ด้วยความตกใจอย่างสุดขีดทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไปพยุงตัวเด็กขึ้นมา ก่อนที่จะพบว่าพ่อของเด็กก็ยืนอยู่ในบริเวณนั้นด้วย ความโกรธจากที่ลูกถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา ชายคนนั้นได้เล็งปืนมาที่วอห์นและหมายจะยิง แต่มาร์คัสที่เห็นเหตุการณ์กลับเลือกตัดสินใจที่จะยิงเขาก่อน เพื่อปกป้องชีวิตเพื่อนของเขา จากเหตุบังเอิญจึงกลายเป็นการฆาตกรรม ทั้งสองตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้หลบหนีออกมาจากป่า จากนั้นทั้งคู่ก็ตัดสินใจย้อนกลับไปที่นั่นอีกครั้งในตอนกลางคืน เพื่อฝังศพพ่อลูกคู่นั้น โชคไม่ดีของทั้งคู่ที่วันถัดมาดันเป็นวันเทศกาลปิดฤดูกาลล่าสัตว์ ซึ่งทุกคนในหมู่บ้านรู้ดีว่าต้องมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลอง แต่กลับไร้วี่แววของสองพ่อลูกที่ออกไปเดินป่ากันหลายวันแล้วยังไม่กลับมา ทั้งหมู่บ้านจึงเริ่มรวมตัวกันและออกค้นหาสองพ่อลูกอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งพวกเขาได้พบกับศพที่ถูกฝังเอาไว้ในป่า มาร์คัสและวอห์นรู้ตัวดีว่าพวกเขากำลังเข้าตาจน จึงปลีกตัวออกจากกลุ่มและหนีกันอย่างสุดชีวิต ฝ่ายชาวบ้านที่เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ก็ออกตามล่าหาตัวคนทั้งคู่ เพื่อให้พวกเขาได้ชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป


ระดับของเนื้อหา
         สาบานว่าถ้าไม่ว่างจริงๆ ไม่คิดจะหยิบขึ้นมาดูเลยให้ตายเถอะ ทั้งโปสเตอร์ทั้งเรื่องย่อมันดูไม่มีอะไรให้น่าติดตามเลย เค้าโครงเรื่องก็เดิมๆซ้ำซาก ประมาณว่าตัวเอกพลั้งมือฆ่าคนตายโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วกลัวความผิดที่จะตามมาจึงคิดวางแผนปกปิดเรื่องราวทั้งหมด แต่กับใน Calibre มันดันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิครับ จะบอกได้ว่ามันดูเรียลเหมือนจริงมากกว่าจะเป็นภาพยนตร์เสียด้วยซ้ำไป ทุกๆการกระทำของบรรดาตัวละครมันส่งผลต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ทั้งหมด ไม่มีผู้ร้าย ไม่มีพระเอก มีแต่กรรม...ที่ใครทำอะไรไว้ ก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำ และไม่มีใครสามารถปกปิดความจริงไปได้ตลอด
ระดับความสยอง
      มาร์คัสและวอห์นดูเผินๆอาจจะเหมือนพวกเขาไม่ได้ตั้งใจและเป็นความบังเอิญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก่อนหน้าที่เขาจะมาล่าสัตว์ในตอนเช้า พวกเขาก็ดื่มกันหนักและเล่นยา อีกทั้งยังยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นโดนไม่ฟังคำห้ามปรามจากใคร ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันล้วนเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ด้วยกัน พวกเขาเป็นคนเมืองและมีฐานะเลยคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ในที่แห่งนี้ อีกทั้งยังดูถูกพวกชาวบ้านที่ล่าสัตว์กันมาทั้งชีวิต ด้วยการฝังศพแบบโง่ๆและเข้าใจไปเองว่าคงไม่มีใครหาเจอ ทุกๆอย่างมันชักนำให้ทั้งคู่ต้องเผชิญหน้าและชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำลงไป ทั้งๆที่เนื้อเรื่องค่อนข้างจะเรียบง่าย แต่ดูแล้วกดดันและบีบหัวใจแบบสุดๆไปเลย มันให้อารมณ์แบบว่า"ถ้าเป็นเราในสถานการณ์แบบนั้น จะทำยังไง"
 ระดับความน่าดู
          ตัวหนังเต็มไปด้วยความกดดันและบีบอารมณ์คนดูเป็นอย่างมาก ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมาร์คัสและวอห์นต่อจากนี้ ภายหลังที่พวกเขาตัดสินใจปกปิดความจริงที่ว่าได้สังหารคนในหมู่บ้านตายไปถึง 2 คน อีกทั้งยังอำพรางศพเอาไว้โดยไม่บอกใครและคิดจะหนีกลับไปใช้ชีวิตกันอย่างปกติ ซึ่งแน่นอนว่าก่อนที่พวกเขาจะทำสำเร็จ ความก็เกิดแตกเสียก่อน ทั้งคู่ถูกไล่ล่าจากคนทั้งหมู่บ้านให้มาชดใช้กรรมในสิ่งที่ทำลงไป กลับกันถ้าพวกเขาตัดสินใจเล่าความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เหตุการณ์ในตอนสุดท้ายท้ายนี้มันอาจจะไม่เกิด หรือไม่ก็อาจจะไม่มีอะไรเปลี่ยน...เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญน้ำดีที่ไม่ได้มีดีแค่ความตื่นเต้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังแฝงแง่คิดและประเด็นต่างๆไว้ได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย หนังคุณภาพอีกแล้วครับท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น