วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561

Review:The First Purge 2018 ปฐมบทคืนอำมหิต


            ยอดผู้ว่างงานสูงขึ้นทุกปี ตลาดหุ้นร่วงมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนออกมาเรียกร้องรัฐบาลว่าพวกเขาต้องการ...การเปลี่ยนแปลง The First Purge เรื่องราวนี้ได้เกิดในประเทศมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา ที่ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มหมดความอดทนกับการปกครองในระบอบเดิมๆที่พวกเขาเป็นอยู่ ทุกต่างโหยซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่จะทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น พรรคพัฒนาชาติใหม่หรือในนาม NFFA จึงถูกโหวตขึ้นมาให้มีอำนาจเหนือพรรคคู่แข่งและได้มีโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งนโยบายหลักของพวกเขาก็คือสิ่งที่จะช่วยชะล้างปัญหาทุกอย่างให้หมดไปได้โดยง่าย ด้วยการลดจำนวนของประชากรลง โดยกำหนดให้วันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปีเป็น"คืนล้างบาป" ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ต่างเห็นด้วยกับนโยบายนี้ โดยมีกำหนดการทดลองครั้งแรกที่ชุมชนแออัดเล็กๆแห่งหนึ่งในนิวยอร์ค สลัมของคนผิวสีที่มีคดีอาชญากรรมมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ซึ่งผู้เข้าร่วมการทดลองทุกคนจะได้รับเงินจำนวน 5000 ดอลล่าห์ทันทีที่การทดลองจบลง โดยตลอดระยะเวลาอีก 12 ชั่วโมงข้างหน้านี้ อาชญากรรมทั้งหมดจะเป็นเรื่องถูกกฏหมาย ทุกคนจะสามารถปล้น ฆ่าหรือข่มขืนใครก็ได้โดยไม่มีความผิด แต่ทันทีที่การทดลองเริ่มขึ้น กลับกลายเป็นผู้คนส่วนมากเลือกที่จะหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านเพื่อแลกกับเงิน 5000 ดอลล่าห์ที่จะมาใช้ต่อชีวิตของพวกเขาแทน ซึ่งก็จะมีอีกบางส่วนที่ออกเที่ยวไปปล้นหรือไม่ก็จัดงานปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนาน เมื่อไม่เป็นไปตามที่ทางรัฐบาลคาดการเอาไว้ ไม่มีอาชญากรรมร้ายแรง ไม่มีคนตาย รัฐบาลจึงแอบส่งกองกำลังติดอาวุธที่นำโดยพวกทหารรับจ้างเข้าไปปะปนกับผู้คนภายในชุมชน จากนั้นก็เริ่มลงมือเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์จำนวนมากและเป็นการจุดชนวนสงครามขึ้นมา ผู้คนภายในชุมชนเริ่มหันอาวุธเข้าหากันอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีคนดีไม่มีคนชั่ว มีแต่คนที่อยากจะเอาชีวิตรอดไปให้ได้ถึงวันพรุ่งนี้เท่านั้น


ระดับของเนื้อหา
         ตั้งแต่ The Purge ภาคแรกที่นำแสดงโดยอีธาน ฮอว์ก ในปี 2013 ที่ได้รับเสียงตอบรับไปในทางดีและมีผู้คนชื่นชอบเกี่ยวกับ"วันล้างบาป"อยู่ไม่ใช่น้อย ซึ่งหลังจากนั้นทุกๆปีจะมีภาพยนตร์ภาคใหม่จากเรื่องนี้ผุดขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ มีทั้งดีบ้างแย่บ้างก็ว่ากันไป แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในฐานที่ผู้คนพอรับได้อยู่เสมอ ซึ่ง The First Purge เองก็นับว่าเป็นภาคที่ 4 ของซี่รี่ย์นี้เข้าไปแล้ว โดยมีการนำเสนอจุดเริ่มต้นของคืนล้างบาปว่าเกิดขึ้นมาได้ยังไงและทำไมทุกคนถึงยินยอมให้พวกชาวบ้านเข้าห้ำหั่นกันเองอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งตัวหนังก็ได้คลายสงสัยในส่วนนี้ได้อย่างชัดเจน ด้วยประเด็นที่อ้างถึงการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรอย่างต่อเนื่อง เมื่อทรัพย์ยากรของพวกเขามีจำกัด แต่ประชากรกลับยิ่งเพิ่มจำนวน การลดจำนวนประชากรออกไปบ้างจึงเป็นวิธีการที่ดูเหมือนจะตรงจุดที่สุดแล้ว และคืนล้างบาปเองก็เป็นหนึ่งในโปรเจคที่รัฐบาลคิดขึ้นมาเพื่อลดจำนวนประชากรของพวกเขานั่นเอง
ระดับความสยอง
      ถ้าถามว่ารู้สึกยังไงกับ The Purge ภาคนี้ ก็ต้องบอกเลยว่าอยู่ในระดับที่โอเคในระดับหนึ่ง แต่รู้สึกว่าหนังจะหนักไปทางการเมืองมากกว่าความระทึกขวัญ แอบมีประเด็นถกเถียงกันระหว่างผู้ที่ต่อต้านกับรัฐบาล ว่าพวกเขาไม่ใช่สัตว์ที่จะยอมเข่นฆ่ากันเองเพื่อแลกกับเงิน แต่สุดท้ายก็ต้องมีอันตกไป เมื่อเสียงส่วนมากยินดีให้รัฐบาลทำโปรเจคนี้ต่อไป หนังเสียเวลากับเรื่องพวกนี้ไปอยู่มากพอสมควร อีกทั้งด้านความโหดระทึกขวัญก็ยังไม่ค่อยสุด แต่ถือว่าดูสนุกพอถูไถไปได้ไม่น่าเกลียด
 ระดับความน่าดู
          ไม่รู้ว่าหลังภาคนี้ไปแล้ว The Purge จะหยิบเอาเรื่องราวตอนไหนมาเล่นอีกบ้าง เพราะในส่วนเนื้อหาผมว่ามันน่าจะครบถ้วนสมบูรณ์แล้วในตัวของมันเอง แต่ก็อย่างว่าหนังประเภทนี้ขายได้เสมอ เพราะมีฐานคนดูค่อนข้างจะแน่นอยู่พอสมควร ถ้าทำออกมาได้ไม่เลวร้ายหนัก มักจะได้กำไรมากกว่าขาดทุน ซึ่งถามผมว่ารู้สึกเบื่อไหม ต้องบอกเลยครับว่ายังไงก็กำไรสำหรับเราผู้ชมอยู่ดี แล้วกับคำว่า"คืนล้างบาป"ในสายตาผมมันเป็นอะไรที่เจ๋งมาก 12 ชั่วโมงที่มนุษย์จะอยู่นอกเหนือการควบคุม ผมว่ามันยังเลวร้ายได้ยิ่งกว่านี้อีกเยอะ ลองในอยู่ในมือผู้กำกับสายดาร์คดูสิครับ มีเรื่อง!!

ลิ้งดูหนัง The First Purge 2018 ปฐมบทคืนอำมหิต

The First Purge 2018 ปฐมบทคืนอำมหิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น