วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Review : Noriko's Dinner Table 2005 โต๊ะอาหารของโนริโกะ


       เหตุเกิดบนโต๊ะอาหาร...และกำลังจะจบลงที่โต๊ะอาหารเช่นเดียวกัน...Noriko's Dinner Table เรื่องราวของสาวน้อยบ้านนอกคอกนาที่ใฝ่ฝันจะเข้าไปเจิดจรัสในกรุงโตเกียว เธอมีชื่อว่า โนริโกะ สาวน้อยธรรมดาที่ใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวที่สุดแสนจะธรรมดาเช่นกัน โนริโกะมีความฝันว่าอยากโตเป็นสาวสะพรั่ง ได้รับความนิยมชมชอบและมีผู้คนรายล้อมอยู่มากมาย แต่แล้วฝันของเธอก็ต้องสลายเมื่อโลกความเป็นจริง เธอเป็นได้แค่เพียงเด็กมัธยมธรรมดาๆคนหนึ่ง มิหนำซ้ำยังอาศัยอยู่ในชนบทบ้านนอกคอกนาอีกด้วย ความสุขเพียงอย่างเดียวของโนริโกะก็คือการแชทในโลกออนไลน์ ซึ่งเธอสามารถเนรมิตรตัวเองให้เป็นใครก็ได้ตามที่ใจตัวเองปราถนา ในโลกไซเบอร์โนริโกะที่ใช้นามแฝงว่ามิทสุโกะ เธอได้พบกับเพื่อนใหม่ของตัวเองที่ใช้นามแฝงว่า สถานี 54 ซึ่งมีทุกสิ่งทุกอย่างที่โนริโกะต้องการ เป็นแบบอย่างที่โนริโกะใฝ่ฝันหามาโดยตลอด วันเดียวกันนั้นเองโนริโกะตัดสินหนีออกจากบ้านพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ เพื่อมุ่งหน้าตามหาความฝันในกรุงโตเกียว ในใจก็คอยเฝ้านึกถึงคนที่เธอกำลังจะไปเจอ สถานี 54 เธอคือใครกันนะ ? และแล้วสิ่งที่โนริโกะรอคอยก็มาถึง เธอได้เจอกับสถานี 54 เข้าจริงๆและได้ทำความรู้จักกัน ภายหลังจึงรู้ว่าเธอชื่ออุเอโนะ การเฝ้าติดตามชีวิตของอุเอโนะ ทำให้โนริโกะมีความสุขเหมือนได้อยู่บนสวรรค์ โดยหารู้ไม่ว่าเธอกำลังทำให้ครอบครัวของเธอเองแตกสลาย พ่อซึ่งลูกสาวหนีออกจากบ้านกำลังกระวนกระวายใจ ภายหลังที่ได้ทราบข่าวเหตุเด็กนักเรียนฆ่าตัวตายหมู่ในกรุงโตเกียว เขาลาออกจากงานที่ทำและทิ้งทุกอย่างเพื่ออกตามหาลูกสาวที่หายตัวไป ส่วนโนริโกะก็กำลังเพลิดเพลินไปกับแสงสีและความสนุกสนานที่อุเอโนะยื่นให้ จนในที่สุดเธอก็ได้เข้าไปพัวพันกับงานประจำที่อุเอโนะทำ ซึ่งนั่นก็คือ...การรับจ้างเป็นครอบครัวเสมือนจริง  พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ การเข้าไปเป็นคนในครอบครัวแบบหลอกๆ ให้กับบรรดาคนแก่ขี้เหงา แม่หม่ายลูกตาย และบรรดาเศรษฐีมีเงินแต่ยังไม่มีครอบครัว การก้าวเข้ามาในโลกสมมุติของโนริโกะครั้งนี้ กำลังจะเปลี่ยนชีวิตของตัวเธอเองและครอบครัวไปตลอดกาล...

  
ระดับของเนื้อหา 5 ดาวเต็ม เป็นสุดยอดหนังอีกเรื่องของผู้กำกับ ชิอน โซโนะ ที่มาในแนว Coming of Age (แนววัยรุ่นใสๆ) แต่เป็นในรูปแบบที่ดาร์คสุดหม่น เรื่องราวจะถูกแบ่งออกเป็น 5 ตอน ซึ่งแต่ละตอนจะถูกดำเนินเรื่องผ่านตัวละครแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นตัวโนริโกะเอง พ่อของเธอ หรือแม้แต่กระทั้งอุเอโนะ ตัวหนังมีความยาวเกือบ 3 ชั่วโมง แต่กลับไม่มีความน่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าติดตามน่าค้นหาและนำไปสู่บทสรุปที่น่าสะพรึงเสียยิ่งกว่าฉากโหดๆในหนังสยองขวัญเรื่องไหนที่เคยผ่านตามา

ระดับความสยอง 4 ดาว เกือบทั้งเรื่องเป็นหนังดราม่าแนวครอบครัว เกี่ยวกับชีวิตของโนริโกะและครอบครัวของเธอที่แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ การที่เธอลุกออกจากโต๊ะอาหารในคราวนั้น ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของโนริโกะไปตลอดกาล และการได้พบกับอุเอโนะก็เปรียบเสมือนกงจักรที่โนริโกะเลือกเดินผิดทาง การเข้ามามีส่วนร่วมในบทบาทสมมุติครั้งนี้ ทำให้โนริโกะเปลี่ยนไปอย่างมากมาย ถึงแม้ตัวหนังจะไม่เน้นที่ฉากสยองหวือหวาอะไรมากหนัก แต่กลับทำร้ายจิตใจคนดูได้ยิ่งกว่านั้น ด้วยการบดขยี้ความรู้สึกคนดูไปทีละเล็กละน้อย จนนำไปสู่จุดจบที่น่าสะพรึงกว่าฉากโหดๆหลายเท่าตัวนัก

 ระดับความน่าดู 5 ดาวเต็ม ถึงแม้ผู้กำกับอย่าง ชิอน โซโนะ จะปฏิเสธว่า "นี่ไม่ใช่ภาคต่อของ Suicide Club แต่อย่างใด" แต่ทว่าหลายคนกลับมองว่าถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เพราะในเรื่องเราจะได้เห็นฉากที่เด็กนักเรียนจำนวนมากกระโดดฆ่าตัวตายหมู่ ซึ่งจะมีโนริโกะและอุเอโนะอยู่ในฉากนั้นด้วย ซึ่งมาจากเรื่อง Suicide Club และชื่อสถานี 54 ที่อุเอโนะใช้เป็นนามแฝง ก็หมายถึงจำนวนเด็กนักเรียนทั้งหมด 54 คน ที่ฆ่าตัวตายหมู่ในครั้งนั้น หมายความเป็นนัยๆว่าอุเอโนะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคลับฆ่าตัวตายในหนังเรื่อง Suicide Club แน่นอน (ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม) เป็นอีกสุดยอดหนังดราม่าสยองขวัญที่สมควรหามาดูให้ได้ด้วยประการทั้งปวง และยิ่งดู 2 เรื่องต่อกัน จะยิ่งทวีความสุดยอดเข้าไปอีก

ลิ้งดูหนังนะครับ ^ ^ ซับ English

Noriko's Dinner Table 2005 โต๊ะอาหารของโนริโกะ

5 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ19 ธันวาคม 2556 เวลา 11:47

    โคตรชอบค่ะ

    ตอบลบ
  2. โทษครับพอจะมีซัปไทยเรื่องนี้มั้ยครับผมหาอยู่

    ตอบลบ
  3. อยากดูมากแต่ภาษาปวกเปียก

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ19 มกราคม 2560 เวลา 00:51

    โครตน่าเบื่ออ้ะเอาจริงๆ ติดอันดับความหลอนได้ไง ทนดูเกือบ 3 ชม. แย่พอๆกับอีฆ่าตัวตายหมู่

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ฮะฮา หนังสยองขวัญจากญี่ปุ่นก็เป็นแบบนี้แหละครับ คนชอบก็ชอบเลย คนเกลียดก็เกลียดเข้าไส้
      หนังมันดูเข้าใจยาก มีปรัชญาแฝงให้ต้องตีความ การดำเนินเเรื่องก็ค่อนข้างอืดๆค่อยๆเล่า ไม่มีจุดพีคหรือไคล์แม็กซ์
      โดยส่วนตัวผมเป็นกลางนะครับ ดูได้ก็ดู ดูไม่ได้ก็ไม่ฝืนครับ อ่านรีวิวก็พอแล้ว ^ ^

      ลบ